1. Home
  2. ข่าวฟุตบอล
  3. จากจุดเริ่มต้นถึงนัดสุดท้ายในนามทีมชาติของรูนี่ย์

จากจุดเริ่มต้นถึงนัดสุดท้ายในนามทีมชาติของรูนี่ย์

จากจุดเริ่มต้นถึงนัดสุดท้ายในนามทีมชาติของรูนี่ย์
0
0

ย้อนรอยไทม์ไลน์ของเวย์น รูนี่ย์ กับทัพทรี ไลออนส์ เนื่องในโอกาสที่เจ้าตัวจะได้ปิดหมวกทีมชาติอย่างเป็นทางการในเกมกระชับมิตร กับทีมชาติสหรัฐฯ ที่สนามเวมบลี่ย์ ซึ่งเราจะพาแฟนๆไปย้อนวันวานครั้งยังวัยเยาว์ของเขา จนถึงวันสุดท้ายภายใต้ตราสิงโตสามตัว
สมาคมฟุตบอลอังกฤษหรือเอฟเอ เพิ่งสร้างกระแสฮือฮาด้วยการดึงตัว รูนี่ย์ กองหน้าวัย 33 ปีสังกัดดีซี ยูไนเต็ดกลับมาติดทีมเป็นกรณีพิเศษในเกมอุ่นเครื่องกับทีมชาติสหรัฐฯ ที่สนามเวมบลีย์ ในวันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายนนี้ เพื่อเป็นการเชิดชูผลงานอันยอดเยี่ยมที่เคยสร้างไว้ในชื่อสิงโตคำรามหลังเจ้าตัวเพิ่งประกาศอำลาทีมชาติไปเมื่อสิงหาคมปีก่อน

สำหรับคอบอลแล้ว คงยากที่จะมีใครไม่รู้จักนักเตะที่โด่งดังอย่าง เวย์น รูนี่ย์ เพราะในช่วงที่พีคที่สุด แข้งหมูพริ้วมีฝีเท้าที่เรียกได้ว่า “มหัศจรรย์” ในการลงเล่นอย่างยาวนานให้กับยอดทีมอย่างแมนฯยูไนเต็ด เอฟเวอร์ตัน และทีมชาติอังกฤษ

ฟอร์มการเล่นของรูนี่ย์ถือเป็นปรากฎการณ์ที่ยกระดับวงการฟุตบอลอังกฤษอย่างแท้จริง แต่สำหรับแฟนบอลเอฟเวอร์ตันแล้ว พวกเขาเห็นและทึ่งกับศักยภาพของหัวหอกคนนี้มาตั้งแต่ที่ทีมดันเขามาเล่นชุดใหญ่ในปี 2002 และรูนี่ย์ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ซัดไป 26 ประตูในการลงเล่นให้ “ท๊อฟฟี่สีน้ำเงิน” และลูกแรกก็คือการยิงใส่ทีมใหญ่อย่างอาร์เซน่อลเลย

ไม่กี่ปีต่อมา ด้วยฟอร์มการเล่นสุดร้อนแรง “ปีศาจแดง”ก็ไม่รอช้า รีบคว้าตัวมาร่วมทีมด้วยค่าตัวสูงถึง 27 ล้านปอนด์แล้วรูนี่ย์ก็สั่งสมความเป็นนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ตั้งแต่นั้น

อย่างไรก็ตาม รูนี่ย์ก็มีเส้นทางการรับใช้ทีมชาติที่น่าสนใจไม่แพ้กัน และนี่คือไทม์ไลน์เหตุการณ์สำคัญภายใต้ตราสิงโตคำรามของสตาร์ดังรายนี้

1.ติดทีมชาติครั้งแรก

ความเก่งกาจเกินเด็กในเวลานั้นก็ทำให้รูนี่ย์ได้เป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษด้วยอายุเพียง17 ปี กับอีก 111 วัน ในนัดเจอออสเตรเลีย ที่โบลีน กราวด์ ปี 2003 ภายใต้การคุมทีมของ สเวน โกรัน อีริคส์สัน

2.ประตูแรกในทีมชาติ

เวย์น รูนี่ย์ ยังเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูให้กับทีมชาติ ด้วยการยิงตีเสมอมาซีโดเนีย ในฟุตบอลยูโร2004 รอบคัดเลือก ก่อนที่ทัพ”สิงโตคำราม”จะแซงชนะไปได้ด้วยสกอร์ 2-1 ในตอนนั้นรูนี่ย์อายุเพียง 17 ปี 317 วันเท่านั้นและยูโร 2004 นี่เองก็เป็นการแข่งขันระดับเมเจอร์ในชีวิตของรูนี่ย์ โดยยิงใส่สวิตเซอร์แลนด์ไป 2 ประตู และโครเอเชียอีก 2 ประตู

3.ใบแดงกับโปรตุเกส

ดาวเตะเท้าหนักถูกจับตามองเป็นพิเศษในเกมที่ต้องพบกับโปรตุเกสและเพื่อนรักร่วมสโมสรอย่างคริสเตียโน่ โรนัลโด้ในฟุตบอลโลก 2006 รอบ 8 ทีมสุดท้าย รูนี่ย์โดนใบแดงไล่ออกจากสนามจากการที่ไปย่ำใส่กล่องดวงใจของริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ในช่วงชุลมุน และโรนัลโด้ก็ทำแสบโดยการขยิบตาให้กับทีมตนเองข้างสนาม จนเป็นที่พูดถึงกันอย่างฮือฮา

4.รับใช้ชาติต่อเนื่อง

ยังคงได้โอกาสลงรับใช้ทีมชาติอย่างต่อเนื่อง และก็ได้รับเบอร์ 10 จากฟาบิโอ คาเปลโล่ในการลงเล่นฟุตบอลโลก 2010

5.มรสุมถาโถม

โดนยูฟ่าแบน 3 นัด จนไม่ได้ลงเล่นรอบแบ่งกลุ่ม ยูโร 2012 จากเหตุการณ์ที่รูนี่ย์เข้าปะทะหนักใส่ มิโอแดร็ก ซูโดวิชในเกมเสมอมอนเตเนโกร 2-2 ตอนแรกเป็นที่คาดกันว่ารูนี่ย์จะโดนแบนเพียง 1 นัด แต่ยูฟ่าก็ลงโทษด้วยการแบนเพิ่ม

โดยให้เหตุผลว่า การกระทำของเขารุนแรงเกินกว่าเหตุ ต่อมารูนี่ย์ส่งจดหมายส่วนตัวไปขอโทษซูโดวิชและสมาคมฟุตบอลอังกฤษก็ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อยูฟ่า จนได้ลดโทษแบนลงเป็น 2 นัด อย่างไรก็ตามกองหน้าเบอร์ 10 ชวดเกมพบฝรั่งเศสและสวีเดน

ซึ่งอังกฤษก็ยังทะลุเข้ารอบไปได้ แต่ไปแพ้อิตาลีในการดวลจุดโทษ ทำให้สื่ออังกฤษโจมตีฟอร์มการเล่นของรูนี่ย์อย่างหนักมิหนำซ้ำ คาเปลโล่ยังออกมาให้สัมภาษณ์ว่า รูนี่ย์เล่นดีเฉพาะเวลาเล่นให้แมนฯยูไนเต็ดเท่านั้น